marvel มีหนังอะไรบ้าง

marvel มีหนังอะไรบ้าง

มาร์เวล สตูดิโอส์ (Marvel Studios) ไม่ได้แค่ทำให้หนังซูเปอร์ฮีโรจากหนังสือการ์ตูนเป็นหนังทำเงิน แต่ยังพาไปไกลกว่านั้น ในแง่ของการเล่าเรื่อง เพราะจากหนังที่สร้างกันมาแล้ว 26 เรื่อง หนังแต่ละเรื่องของตัวละครแต่ละราย เกิดขึ้นในจักรวาลเดียวกัน ตัวละครมีความสัมพันธ์ มีเหตุการณ์​ สถานที่เกิดเหตุสืบเนื่องกัน ซึ่งอาจทำให้สับสน หรือมึน ๆ ว่าเรื่องราวต่อเนื่องกันยังไง หรือเรียงลำดับกันแบบไหน

marvel มีหนังอะไรบ้าง แต่นั่นยังยุ่งไม่พอ เพราะในปี 2012 มาร์เวล สตูดิโอส์ ก็ปล่อยหนัง The Avengers ที่เอาตัวละครทั้งหลายมาอยู่ในเรื่องเดียวกัน แล้วหลังจากนี้พวกเขายังแยกไปมีหนังของตัวเองอีก แม้เรื่องของแต่ละคนจะมีโทนเฉพาะ แต่ก็มีความเกี่ยวโยงกัน ที่ทำให้ความเป็นมาในภาพรวม ซับซ้อนและสับสนในคราวเดียวกัน จนหลาย ๆ คนคงสงสัยว่า เรื่องราวของหนังซูเปอร์ฮีโรมาร์เวล ที่เรียกว่า จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล (Marvel Cinematic Universe) นั้น เริ่มต้นและสานต่อกันตรงไหน? อย่างไร? และถ้าจะดูแบบให้เรื่องราวต่อเนื่องกัน ควรจะเริ่มจากเรื่องอะไร? และเดินหน้าแบบไหน เราคัดแต่เรื่องสนุกๆมาฝาก

marvel มีหนังอะไรบ้าง ‘Captain America: The First Avenger’ (2011)

Captain America The First Avenger

marvel มีหนังอะไรบ้าง เรื่องราวของ สตีฟ โรเจอร์ส (คริส อีแวนส์) ทหารร่างกายอ่อนแอในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 (ยุค 40) ซึ่งเข้าร่วมโครงการสร้าง “ซูเปอร์โซลเจอร์” ของรัฐบาล และได้กลายมาเป็น “กัปตันอเมริกา” ซูเปอร์ฮีโร่ที่เป็นผู้นำของเหล่าอเวนเจอร์

คุณจะได้เห็นการทำงานของ SSR ที่กลายมาเป็นหน่วยชีลด์ (S.H.I.E.L.D.) ในภายหลัง ช่วง “เอนด์เครดิต” เป็นการปรากฎตัวของ “นิค ฟิวรี” เพื่อปูทางไปสู่การก่อตั้งกลุ่มอเวนเจอร์สขึ้นภายหลัง

‘Captain Marvel’ (2019)

‘Captain Marvel’ (2019)

เป็นหนังลำดับที่ 21 ของมาร์เวล ออกฉายเมื่อปี 2019 นี่เอง แต่เนื้อหากลับย้อนไปในยุคแรกๆ ตั้งแต่ช่วงเริ่มก่อตั้งหน่วยชีลด์

เราจะได้เห็น “นิค ฟิวรี” ในยุค 90 ตอนที่ยังหนุ่ม เป็นเพียงเจ้าหน้าที่หน่วย S.H.I.E.L.D. ธรรมดาๆ และยังมีดวงตาครบทั้งสองข้าง ตลอดจนความเป็นมาของ แครอล แดนเวอร์ส (บรี ลาร์สัน) ก่อนที่ค้นพบตัวตน กลายมาเป็น “กัปตันมาร์เวล” ซูเปอร์ฮีโร่ผู้มีพลังสุดยอดในจักรวาลมาร์เวล

ดู Captain Marvel แล้วจะทำให้เข้าใจว่า การปรากฎตัวของแครอล หรือ กัปตันมาร์เวลในหนัง Infinity War และ Endgame นั้นมีความสำคัญมากขนาดไหน

‘Iron Man’ (2008)

‘Iron Man’ (2008)

หนังมาร์เวลเรื่องแรกที่ออกฉายในปี 2008 แต่ถ้าเรียงตามลำดับเหตุการณ์แล้วจะเป็นเรื่องที่ 3 ใน Timeline

เรื่องราวของ “โทนี สตาร์ก” (โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์) มหาเศรษฐีพันล้าน นักประดิษฐ์อัจฉริยะและเจ้าของธุรกิจค้าอาวุธผู้ทรงอิทธิพล กับการเดินทางไปสู่การเป็น “ไอรอน แมน” ซูเปอร์ฮีโร่ที่เป็นเสาหลักของจักรวาลมาร์เวล

หลังจากถูกกลุ่มก่อการร้ายในอัฟกานิสถานจับตัวไป เขาใช้ความเชี่ยวชาญที่มีสร้างชุดเกราะจากวัสดุที่พอจะหาได้หลบหนีออกมา ก่อนจะพัฒนาต่อยอดจนกลายเป็นชุดเกราะ ไอรอน แมน ในที่สุด

‘Iron Man 2’ (2010)

‘Iron Man 2’ (2010)

“โทนี สตาร์ก” พบบททดสอบในการเป็นฮีโร่ผู้กอบกู้โลก และจุดบกพร่องของชุดเกราะ “ไอรอน แมน” ที่ได้ “นิค ฟิวรี” ซึ่งตอนนี้กลายเป็นผู้บัญชาการหน่วยชีลด์แล้ว เข้ามาให้ความช่วยเหลือ พร้อมกับขอให้เขาเป็นที่ปรึกษาโครงการอเวนเจอร์ส

การเปิดตัวสปายสาว นาตาชา โรมานอฟ หรือ “แบล็ค วิโดว์” (สการ์เลตต์ โจแฮนสัน) เอนด์เครดิต – มีค้อนวิเศษโผล่มาให้เห็นเพื่อปูทางไปสู่การมาถึงของ “ธอร์”

‘The Incredible Hulk’ (2008)

‘The Incredible Hulk’ (2008)

การถือกำเนิดของยอดมนุษย์ตัวเขียว “ฮัลค์” นำแสดงโดย เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน ซึ่งรับบทนี้เพียงภาคเดียวก่อนจะได้ “มาร์ค รัฟฟาโล” มาเล่นแทนในภาคต่อๆ ไป

หนังเรื่องนี้ถูกเชื่อมโยงเข้ากับจักรวาลมาร์เวลเฉพาะในช่วงเอนด์เครดิตซึ่งเราได้เห็น โทนี่ สตาร์ก เข้ามาเป็นที่ปรึกษาให้หน่วยชีลด์ และกัปตันอเมริกานอนแช่อยู่ในน้ำแข็ง

‘Thor’ (2011)

‘Thor’ (2011)

เทพเจ้าสายฟ้า “ธอร์” (คริส เฮมสเวิร์ธ) ปรากฎตัวใน MCU เป็นครั้งแรกหลังถูกเทพบิดา “โอดิน” ขับออกจากแอสการ์ดมายังโลกมนุษย์ในสภาพไร้พลังอำนาจของเทพเจ้า เพื่อเรียนรู้การเป็นเทพเจ้าที่ดี

ธอร์ ขยายขอบเขตของคนดูด้วยการพาไปทำความรู้จักกับจักรวาลมาร์เวลในส่วนที่นอกเหนือไปจากโลกมนุษย์ ทำให้เราคุ้นเคยกับ “แอสการ์ด” รู้จักกับ “โลกิ” และตัวละครอีกหลายตัวในดินแดนแห่งเทพ ขณะที่ “ฮอว์กอาย” (เจเรมี่ เรนเนอร์) และเจ้าหน้าที่ ฟิล โคลสัน (คลาร์ก เกร็ก) ทำให้เราได้รับรู้เรื่องราวภายในหน่วย S.H.I.E.L.D. บนพื้นโลก ควบคู่กันไปด้วย

‘The Avengers’ (2012)

‘The Avengers’ (2012)

ถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็นภาคแรกของหนัง “อเวนเจอร์ส” แต่เนื้อหากลับต่อเนื่องจาก Thor ภาคแรก ทำให้ต้องดูเรื่องนี้ก่อนจะไปดู Thor 2 ถึงจะไม่งง (ดู Thor, The Avergers, Thor 2)

“โลกิ” ที่สู้แพ้ “ธอร์” ในภาคแรก ได้คฑา Mind Stone มาไว้ในครอบครอง จึงใช้มันเปิดประตูมิติ พาเผ่าพันธุ์ต่างดาว Chitauri มาบุกโลกเพื่อแก้แค้นพี่ชาย “นิค ฟิวรี” จึงต้องรวมพลเหล่าซูเปอร์ฮีโร่มาปกป้องโลกภายใต้ชื่อกลุ่ม “อเวนเจอร์ส” ที่ประกอบด้วย กัปตันอเมริกา, ไอรอน แมน, ธอร์, แบล็ค วิโดว์, ฮอว์กอาย และฮัลค์ (มาร์ค รัฟฟาโล)

“เทสเซอร์แรคต์” (Tesseract) หรือ สเปซสโตน 1 ใน 6 อินฟินิตี้ สโตน ที่ถูกพาดพิงถึงในหนังหลายเรื่อง เข้ามีบทบาทสำคัญในหนังเรื่องนี้

เอนด์เครดิต – มี “ธานอส” โผล่มาให้เห็น

‘Thor: The Dark World’ (2013)

‘Thor: The Dark World’ (2013)

เนื้อเรื่องต่อเนื่องจาก The Avengers หลังเสร็จศึก Chitauri ที่นิวยอร์ก โลกกลับมาสงบอีกครั้ง แต่ยังมีเผ่าพันธุ์โบราณ “ดาร์ค เอลฟ์” รอเวลากลับมาสร้างหายนะให้โลกอีกครั้ง โดยใช้ อีเธอร์ (Ether) หรือ Reality Stone นำความมืดมาสู่จักรวาล แต่ต้องรอให้เกิดปรากฎการณ์โลกทั้ง 9 เรียงตัวกัน ซึ่งหลายพันปีจะเกิดขึ้น

อีเธอร์พุ่งเข้าไปอยู่ในตัว เจน ฟอสเตอร์ (นาตาลี พอร์ทแมน) คนรักของธอร์ ทำให้ มาเลคิธ (Malekith) แม่ทัพดาร์ค เอลฟ์ ตื่นขึ้น และยกพลมาบุกแอสการ์ดจนทำให้เกิดเรื่องน่าเศร้าซึ่งจะทำให้เราได้เห็นความสัมพันธ์อันซับซ้อนของสองพี่น้อง “ธอร์” และ “โลกิ”

เอนด์เครดิต – คนดูได้รู้ว่า “อินฟินิตี้ สโตน” มีอยู่ทั้งหมด 6 ก้อน เมื่อ “อีเธอร์” ถูกนำไปฝากไว้กับ The Collector ผู้อาวุโสแห่งจักรวาล ที่พูดออกมาว่า “มาแล้ว 1 เหลืออีก 5”

‘Guardians of the Galaxy’ (2014)

‘Guardians of the Galaxy’ (2014)

มีคำอธิบายเรื่อง “อินฟินิตี้ สโตน” ว่าทำไม ธานอส ถึงอยากได้นักหนา และการเปิดตัวแก๊งท่องอวกาศสุดป่วนที่ จอมโจรอวกาศ ต้นไม้ ยักษ์ แรคคูนพูดมาก และผู้หญิงตัวเขียว มารวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมาย

“สตาร์ลอร์ด” (คริส แพรตต์) จอมโจรชื่อดัง ขโมย “ดิ ออร์บ” หนีมาโดยไม่รู้ว่าข้างในมี Power Stone อันทรงพลังอยู่ ธานอสส่งลูกเลี้ยง “กาโมร่า” (โซ ซัลดานา) มาขโมยอัญมณีชิ้นนี้ ทำให้เกิดเรื่องวุ่นๆ ตามมา

สตาร์ลอร์ด กับ “เดอะ แก๊ง” สุดเกรียน แดร็กซ์, กรู๊ท, ร็อคเก็ต แรคคูน, กาโมร่า ที่ตอนแรกตีกันแทบเป็นแทบตาย หันมาร่วมมือกันจนค้นพบความจริงเกี่ยวกับ Power Stone และธานอส

‘Guardians of the Galaxy Vol. 2’ (2017)

‘Guardians of the Galaxy Vol. 2’ (2017)

เหตุการณ์เกิดขึ้นหลังภาคแรก 2 เดือน เหล่าการ์เดี้ยนทั้ง 5 กลายมาเป็นทีมเดียวกันอย่างแท้จริง มีการไขปริศนาชาติกำเนิดของ สตาร์ลอร์ด ว่าเป็นลูกของ “อีโก้” ซึ่งเป็นการปูพื้นเรื่อง “เซเลสเชียล” (Celestial) สิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังราวเทพเจ้า สามารถสร้างและทำลายสิ่งมีชีวิตในจักรวาลลงได้ และจะเข้ามามีบทบาทอีกครั้งในเรื่อง Eternals (2021)

‘Iron Man 3’ (2013)

‘Iron Man 3’ (2013)

หลังจากไปท่องอวกาศกันมาหลายเรื่อง มาร์เวลก็พาเรากลับมายังพื้นโลก หลังจบศึกกับมนุษย์ต่างดาวใน The Avengers

“โทนี่ สตาร์ก” เกิดความรู้สึกว่าตัวเองยังไม่เก่งพอที่จะปกป้องโลก และคนที่รัก เลยหมกมุ่นกับการสร้างชุดเกราะใหม่ๆ ที่เจ๋งกว่าเดิมออกมา แต่กลับกลายเป็นว่ามันทำให้ความสัมพันธ์กับคนรักมีปัญหา สุดท้ายเขาก็ค้นพบว่าการเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่ชื่อ “ไอรอน แมน” นั้นไม่จำเป็นต้องมีชุดเกราะก็ได้

‘Captain America: The Winter Soldier’ (2014)

‘Captain America: The Winter Soldier’ (2014)

การหักเหลี่ยมเฉือนคมภายในหน่วยชีลด์ ทำให้ฮีโร่ที่ใสซื่อ ไม่ทันโลกเพราะถูกแช่แข็งมานานนับศตวรรษอย่าง “กัปตันอเมริกา” เท่าทันเล่ห์เหลี่ยม และแสดงความเหมาะสมที่จะเป็นแกนนำของกลุ่ม “อเวนเจอร์ส” ออกมาให้เห็นมากขึ้น

เอนด์เครดิต – เปิดตัว วันด้า หรือ สการ์เลต วิทช์ (เอลิซาเบธ โอลเซน) กับ ควิกซิลเวอร์ (แอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน) สองฝาแฝดจากประเทศโซโคเวียที่จะมีบทบาทสำคัญในภายหลัง

‘Avengers: Age of Ultron’ (2015)

‘Avengers: Age of Ultron’ (2015)

ปัญญาประดิษฐ์ “อัลตรอน” (Ultron) ที่ “โทนี่ สตาร์ก” สร้างขึ้นมารักษาสันติภาพของโลก เกิดวิวัฒนาการผิดพลาด กลายเป็นหุ่นที่พยายามจะทำลายล้างมนุษยชาติแทน เหล่าอเวนเจอร์สเลยต้องมารวมทีมกันปกป้องโลกอีกครั้ง

นอกจากจะสู้กับ “อัลตรอน” แล้ว พวกเขายังต้องสู้กับซูเปอร์ฮีโร่ที่ทรงพลังมหาศาลอย่างฝาแฝด “สการ์เลต วิทช์” และ “ควิกซิลเวอร์” ที่แค้น “โทนี่ สตาร์ก” เพราะพ่อกับแม่ต้องตายในตอนที่ประเทศโซโคเวีย บ้านเกิดของทั้งคู่ ถูกถล่มจนเละในการทำศึกระหว่างอัลตรอนกับอเวนเจอร์ส

เปิดตัว “วิชั่น” (พอล เบททานี) แอนดรอยด์ที่ได้มี Soul Stone ฝังไว้ที่หน้าผาก จึงมีพลังไร้เทียมทาน สตาร์ก กับ กัปตัน มีความเห็นไม่ลงรอยกันในเรื่องการปกป้องโลก ซึ่งจะนำไปสู่การแบ่งฝ่ายต่อสู้กันเองระหว่างเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ใน Captain America: Civil War

‘Ant-Man’ (2015)

‘Ant-Man’ (2015)

ดร.แฮงค์ พิม (ไมเคิล ดักลาส) นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะที่เก่งเป็นอันดับต้นๆ ของจักรวาลมาร์เวล ค้นพบ “อนุภาคพีม” (Pym Particle) ที่สามารถเปลี่ยนขนาดโมเลกุลของสิ่งได้ตามต้องการ เขาประดิษฐ์ชุดแอนท์แมนที่ทำให้คนใส่สามารถย่อ/ขยายส่วนร่างกาย แล้วยังสามารถสื่อสารกับมดได้อีกด้วย

อดีตนักโทษ “สกอตต์ แลงก์” (พอล รัดด์) ขโมยชุดแอนท์แมนมาลองใส่ดู พอรู้ว่ามันทำให้ตัวเล็กจิ๋วลงได้ก็เลยกลัว เอาชุดไปคืนที่เดิม แต่กลับถูก “แฮงค์” เกลี้ยกล่อมให้ใส่ชุดนี้ต่อ แล้วเปลี่ยนตัวเองจากจอมโจรกลายเป็นวีรบุรุษผู้กอบกู้โลกแทน

แฮงค์ เคยอยู่หน่วยชีลด์มาก่อนแต่ลาออกเพราะถูกเซ้าซี้จะเอาชุดแอนท์แมน และเทคโนโลยีอนุภาคพีมไปใช้ เขาฝึกฝนสกอตต์ให้เป็นซูเปอร์ฮีโร่ก่อนจะส่งไปบุกสำนักงานอเวนเจอร์สเพื่อขโมยของบางอย่าง ทำให้เกิดการต่อสู้กับฟอลคอนที่รับรู้ถึงความเก่งของแอนท์แมน แล้วชวนมาเข้ากลุ่มอเวนเจอร์สในภายหลัง

เอนด์เครดิต 1 – แฮงค์ พิม มอบชุด The Wasp ให้ โฮป ลูกสาวที่อาจจะกลายมาเป็นซูเปอร์ฮีโร่ตัวต่อไปของจักรวาลมาร์เวล

เอนด์เครดิต 2 – กัปตันกับฟอลคอนพบเบาะแสของ “บัคกี้” ที่ถูกไฮดร้าล้างสมองให้เป็น “วินเทอร์โซลเจอร์” ซึ่งการหาทางช่วยเพื่อนรักของกัปตันนี่แหละที่เป็นชนวนเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาทะเลาะกับ โทนี่ สตาร์ก จนกลายมาเป็น Civil War ในหนังเรื่องต่อไป

‘Captain America: Civil War’ (2016)

‘Captain America: Civil War’ (2016)

หนังเริ่มต้นเฟส 3 ของจักรวาลมาร์เวล ต้นเหตุของ Civil War มาจากความไม่ลงรอยกันของกัปตันกับโทนี่เรื่องที่รัฐบาลประเทศต่างๆ จะออก “สนธิสัญญาโซโกเวีย” เพื่อควบคุมเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ที่บางครั้งก็ปฏิบัติการเกินเลยจนมีผู้บาดเจ็บล้มตายเกิดขึ้น

เรื่องนี้ทำให้เกิดรอยร้าวภายในกลุ่มอเวนเจอร์ที่แบ่งออกเป็นสองฝั่ง คือ ทีมไอรอน แมน กับทีมกัปตัน อเมริกา นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่กัปตันปกป้องเพื่อนรัก “บัคกี้” ซึ่งถูกไฮดร้าล้างสมองให้กลายเป็น “วินเทอร์ โซลเยอร์” แล้วส่งตัวไปก่อเหตุรุนแรง ขณะที่โทนี่พยายามจะจับตัว “บัคกี้” มาลงโทษให้ได้ เลยทำให้เกิดการต่อสู้กันขึ้น เปิดตัว “แบล็ค แพนเธอร์” (แชดวิค โบสแมน) และสไปเดอร์แมน (ทอม ฮอลแลนด์) ที่จะมีหนังเดี่ยวของตัวเองออกมาภายหลัง และนี่คือหนัง marvel ที่เราคัดมาให้ชมคร่าวๆกัน